จดหมายข่าวฉบับนี้ รู้รอบเรื่องกฎหมาย โดยฝ่ายเศรษฐกิจ ภาษี และกฎหมาย และฝ่ายพัฒนา SMEs จะเขียนถึงบทสรุปและบทวิเคราะห์ของกฎหมายที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมและบริษัทของท่าน ทั้งที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ และที่มีผลบังคับใช้ไปแล้ว ขอให้ทุกท่านตั้งใจศึกษาประกาศ และบทสรุป พร้อมทั้งทำความเข้าใจ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้องนะคะ
- ประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรมเกี่ยวกับระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) กรณีผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เป็นผู้ขายสินค้าหรือบริการ ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ซึ่งจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 16 ธันวาคม 2564
สาระสำคัญของประกาศ
- ระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit Term) ระหว่างผู้ประกอบธุรกิจรายใด ซึ่งเป็นคู่ค้ากับผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ภาคการค้า ภาคการผลิต และภาคบริการ ไม่เกิน ๔๕ วัน เว้นแต่ได้มีการตกลง ระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้าที่น้อยกว่าอยู่ก่อนแล้ว
- การเริ่มต้นนับระยะเวลาสินเชื่อการค้า ให้นับตั้งแต่วันส่งมอบสินค้าหรือให้บริการ ตามจำนวน ประเภท คุณภาพมาตรฐานของสินค้าหรือบริการที่ได้ตกลงกันไว้และส่งมอบเอกสารที่ถูกต้องครบถ้วน
- การชำระสินเชื่อการค้า จะต้องแสดงขั้นตอนการจ่ายเงินตามแนวทางการค้าปกติให้ชัดเจน และผู้ประกอบธุรกิจ SMEs จะต้องแสดงเอกสารหลักฐานแสดงจำนวนการจ้างงาน หรือเอกสารแสดงรายได้เพื่อยืนยันสถานะการเป็นSMEs (มีการจ้างงานไม่เกินสองร้อยคน หรือมีรายได้ต่อปีไม่เกินห้าร้อยล้านบาท) ให้ผู้ประกอบธุรกิจรายใดซึ่งเป็นคู่ค้าทราบด้วย
- โดยหากมีการกระทำที่มีลักษณะเป็นการฝ่าฝัน ประกาศดังกล่าว กรณีอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 57 ประกอบมาตรา 82 แห่งพระราชบัญญัติการข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 อันมีโทษปรับทางปกครองในอัตราไม่เกินร้อยละ 10 ของรายได้ในปีที่กระทำความผิด
แนวทางในการปฏิบัติ
- หากท่านเป็นบริษัทที่มีคู่ค้าเป็น SMEs
- ขอให้ท่านตรวจสอบให้แน่ชัดว่า บ.คู่ค้าของท่านเป็น SMEs ตามประกาศหรือไม่
- ตรวจสอบระบบการชำระเงินของท่าน หากรอบการชำระเงินเกิน 45 วัน นับจากวันที่ได้มีการส่งมอบ ขอให้ท่านรีบแก้ไขปรับเปลี่ยน ก่อนวันที่ 16 ธันวาคม 2564 เนื่องจากเป็นข้อกฎหมายและมีบทลงโทษ หาก บ. SMEs นั้นๆ ร้องเรียนไปที่คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า รวมถึงจะมีการสุ่มตรวจอีกด้วย
- ในกรณีที่ท่านมีเหตุจำเป็นอันสมควร โดยไม่เข้าข่ายเป็นลักษณะการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมตามประกาศ ท่านสามารถชี้แจงไปยังคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าได้
- หากท่านเป็นบริษัท SMEs
- ขอให้ท่านเตรียมเอกสารหลักฐานในการยืนยันความเป็น SMEs ตามนิยามของประกาศ (มีการจ้างงานไม่เกินสองร้อยคน หรือมีรายได้ต่อปีไม่เกินห้าร้อยล้านบาท)
- แจ้งยืนยันไปยังคู่ค้าของท่านให้ทราบว่าท่านเป็น SMEs หากระยะเวลา Credit term ของท่านเกิน 45 วัน
- หากคู่ค้าไม่ปฏิบัติตามประกาศภายในวันที่ 16 ธันวาคม 2564 และไม่สามารถเจรจากันได้ ท่านสามารถร้องเรียนไปยังคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าได้
- พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร ฉบับที่ 7 พ.ศ. 2564
ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2564 ซึ่งจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 1 มกราคม 2565
ปัจจุบันไทยใช้พิกัดศุลกากร ระดับ 6 หลัก ฉบับปี 2017 (Harmonized System 2017 : HS 2017) มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 ตามองค์การศุลกากรโลก และบัดนี้องค์การศุลกากรโลกได้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงพิกัดอัตราศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ (Harmonized System: HS) ฉบับใหม่เป็น HS 2022 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้มีการประกาศพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2564
สาระสำคัญของพระราชกำหนด
- มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป
- อัตราอากรตามบัญชีท้ายประกาศฯ เป็นอัตราเพดานสูงสุดที่เรียกเก็บ
- มีการแก้ไข 351 ชุดรายการ ทั้งเพิ่ม/ลด หรือตัดทิ้ง ในสินค้าบางพิกัด โดยมีพิกัดที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์และชิ้นส่วนฯ มีประมาณ 22 รายการ อาทิเช่น Evaporator ในพิกัด 8419.34.10
แนวทางในการปฏิบัติ
ขอให้สมาชิกที่มีการนำเข้า-ส่งออก ศึกษาประกาศและตรวจสอบพิกัดที่ท่านใช้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่อย่างไร หากสมาชิกท่านใดมีข้อกังวลหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับประกาศดังกล่าว ท่านสามารถสอบถามได้ที่กรมศุลกากรหรือสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ทั้งนี้กรมศุลกากรฯ ได้มีการจัดอบรมในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ท่านสามารถเข้าร่วมอบรม โดยติดตามประกาศการฝึกอบรมจากกรมศุลกากร หรือสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย
ดาวน์โหลดประกาศฉบับเต็ม
1/2
พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร
(ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๔ [มีต่อ]
จำนวน PDF 462 หน้า
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/A/082_1/1.PDF
-----------------------------------
2/2
พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร
(ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๔ [เล่มจบ]
จำนวน PDF 461 หน้า
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/A/082_2/1.PDF